Sunday, July 3, 2016

ล้มทั้งยืน!! แม่ "ครูสาว" เหยื่อฆ่าปาดคอ เผยก่อนเธอตาย เธอมีแพลนจะทำแบบนี้ แทบน้ำตาไหล !?

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีคดีสะเทือนขวัญนายชาตรี ร่วมสูงเนิน ก่อเหตุฆ่านางสาวจุฬารัตน์ โทวรรณา อายุ 26 ปี เป็นครูสอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โรงเรียนแสงวิทยา อ.แก่งคอย จ.สระบุรี อย่างโหดเหี้ยม ภายหลังการจับกุม นายสนิท โทวรรณา อายุ 59 ปี บิดา พร้อมพี่สาวกับพี่ชาย ญาติๆ เดินทางมาที่ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน นายสนิท เผย มีลูก 3 คน ลูกชายคนโตเป็นครูอยู่ที่บ้าน พี่สาวอีกคนเป็นครูอยู่ กทม. ส่วนนางสาวจุฬารัตน์  ผู้ตาย เป็นครูอยู่โรงเรียนแสงวิทยา อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เป็นครูสอนวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ มีคนรักเป็นตำรวจอยู่นายร้อยสามพราน นครปฐม มีเป้าหมายกันว่าจะซื้อรถฟอร์จูนเนอร์เร็วๆ นี้ นายสนิทเผยว่า ตนเสียใจมาก นายชาตรีทำอะไรรุนแรงเกินไป ถ้าชอบลูกสาวมาขอกับพ่อนี้ ไม่น่าทำรุนแรงจนเสียชีวิต ส่วนคุณแม่นั้นไม่มาด้วยเพราะทำใจไม่ได้

อย่าง ไรก็ตาม ป่รากฏว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งที่รอที่เกิดเหตุนาน ก็เดินทางมาที่หน้า สภ.แก่งคอย ตะโกนถือป้ายให้ประหารชีวิต จนเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ออกหน้า สภ.ไป ชาวบ้านจึงเดินทางกลับไปรอตั้งหลักที่บ้านที่เกิดเหตุหวังจะดูหน้าคนร้ายและ รอจะประชาทัณฑ์ พร้อมทั้งมีการถือป้ายเรียกร้องให้มีการประหารนายชาตรีด้วย
สำหรับ นายชาตรี คนร้าย ประวัติเพิ่งพ้นโทษ โดยในปี 2556 ก่อคดีข่มขืนเมียเพื่อน ทำไม่สำเร็จ แต่ก็ถูกดำเนินคดี พ้นโทษออกมาได้ ประมาณ 10 เดือน และมาทำงานกับผู้รับเหมาโรงงานแห่งหนึ่ง จนมาก่อเหตุดังกล่าว

สำหรับ บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 3 บ้านบุ่งค้า ต.พระธาตุ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด บ้านของน.ส.จุฬารัตน์  นางจันศรี โทวรรณ อายุ 57 ปี มารดาและญาติๆ ได้มารอรับศพอยู่ที่บ้าน โดยให้พ่อและญาติ ส่วนหนึ่งเดินทางลงไปรับศพกลับมาบำเพ็ญกุศล ซึ่งทุกคนเดินทางไปถึงพื้นที่เกิดเหตุและเตรียมนำศพกลับบ้าน ซึ่งคาดว่าจะเดินทางกลับมาถึงภายในไม่เกิน 18.00 น.วันนี้ ซึ่งการจัดงานศพ ได้เตรียมตั้งเต็นท์และสถานที่จัดงานศพไว้ที่วัดบ้านค้า ที่เป็นวัดประจำหมู่บ้าน โดยการตั้งศพบำเพ็ญกุศล 4 วัน และจะฌาปนกิจในวันที่ 6 ก.ค.นิ้
โดยนางจันศรีเล่าว่า สำหรับผู้เสียชีวิตเป็นลูกคนสุดท้อง คนโตเป็นชาย อายุ 32 ปี เป็นครู กศน., คนที่ 2 เป็นหญิง เป็นข้าราชการครู อายุ 29 ปี และผู้ตาย คนสุดท้องอายุ 26 ปี จบ ป.ตรี วิทยาศาสตร์ และจบแล้วไปเป็นครูโรงเรียนเอกชน เข้าปีที่ 3 แล้วได้เงินเดือน 15,000 บาท เจียดส่งมาบ้านบ้างและส่งตัวเองเรียนต่อด้วย คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุร้ายเช่นนี้ กับลูกคนสุดท้องที่เป็นคนเรียบร้อย อัธยาศัยดี และคิดดีกับทุกคนเช่นนี้ ซึ่งทุกคนช็อกและรับไม่ได้ ตนอยากฝากไปยังผู้รับผิดชอบการร่างกฎหมาย ให้พิจารณาเรื่องนี้ เพราะคนไม่ดี พ้นโทษออกมาก็จะมาก่อเหตุทำร้ายคนดีอีก ตนอยากให้การตายของลูกสาวเป็นรายสุดท้ายที่เกิดเหตุแบบนี้ และต้องการให้เป็นอานิสงส์ให้มีการออกกฎหมายที่เด็ดขาดกว่านี้ ใครก่อเหตุเช่นนี้ต้องกำหนดกฎหมายลงโทษให้ตายตกตามกันไป เพื่อที่จะไม่ให้ติดคุกพ้นโทษออกมา แล้วก็มาก่อเหตุอีก และจากการทราบว่ามีการจับคนร้ายได้ ที่เมื่อพ้นโทษแล้วยังมาก่อเหตุอีก

ใน ขณะที่นางวงเดือน โพธิ์นาม ญาติคนหนึ่งกล่าวว่า อยากให้ใช้กฎหมายเข้มข้น อยากให้ฆ่าทิ้งหรือประหารเลย เพราะรายนี้ออกจากคุกมาแล้วยังไม่สำนึก ออกจากคุกมาอีกก็จะทำอีก อยากให้เอาไปประหาร หรือไม่ก็เอาไปเผานั่งยางแบบที่อุดรธานี จึงจะสาสม
credit http://www.siamupdate.com/news-183557

No comments:

Post a Comment