ผม มีเรื่องมาขอรบกวนเพื่อนๆในเฟสบุคครับ ผมกำลังตามหาใครคนหนึ่งซึ่งผมได้พบเจอเธอเมื่อ 4 ปีก่อนที่กรุงเทพ มันสำคัญมากสำหรับผม ขอให้ทุกท่านที่ผ่านมาอ่านโพสต์นี้ ได้อ่านในสิ่งที่ผมบอกเล่าและช่วยผมตามหาด้วยครับ “ปาฏิหาริย์” ทุกสิ่งที่ทุกท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นข้อความที่ผมได้กลั่นออกมาจากจิตวิญญาณของผม ผมหวังว่าพวกคุณจะรู้สึกได้ เมื่อ 4 ปีก่อน ผมได้ตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล ด้วยเป้เดินทางเพียงหนึ่งใบพร้อมที่จะท่องโลกที่ผมรู้จักมันจากการบอกเล่า ของคนอื่น ผมไม่มีประสบการณ์เลย และโลกนี้ช่างกว้างใหญ่นักเมื่อเทียบกับตัวของผม นั่นทำให้ผมรู้สึกกลัว กลัวสูญเสียความมั่นคงในชีวิตที่เคยมี ผมอยากเป็นอิสระ แต่ในเวลาเดียวกันก็กลัวความอิสระ แต่อย่างไรก็ตาม ผมตัดสินใจแล้วและตั้งมั่นที่จะเอาชนะความกลัวทุกอย่างให้ได้ เวลาผ่านไป จนมาถึงนาทีนี้ ผมชักไม่แน่ในใจปาฏิหาริย์นัก หัวใจผมกำลังปวดร้าวและดูเหมือนว่ากำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ถ้าท่านที่กำลังอ่านอยู่นี้เคยติดตามเรื่องราวของผมอยู่บ้าง ผมเคยกล่าวถึงการเจ็บปวดจากคนรัก ซึ่งเป็นสาวมอสโคว์ และเมื่อเวลาผ่านไปผมรู้สึกขอบคุณเธอที่ ความผิดหวังจากเธอนำผมมาสู่โลกกว้าง ในเวลานั้นผมคิดว่าผมคงไม่เหมาะกับสาวๆที่นั่นที่มองหาความมั่นคงและรูป ลักษณ์ที่ดูน่าเชื่อถือ มากกว่ามองหาผู้ชายที่มีฝัน …. ผมเป็นนักล่าฝันครับ ผมรักที่จะฝันและสร้างมัน ผจญภัยไปกับมัน และให้ควาฝันนั้นมันแงะผมออกมากจากชีวิตประจำวันที่น่าเบื่อหน่าย แต่ ความฝันเหล่านั้นไม่เคยสำเร็จ ฝันแรกของผมเกิดขึ้นตอนยังเป็นเด็กๆ ผมอยากเป็นนักแสดง ผมได้เรียนการแสดงในมหาวิทยาลัยเป็นเวลาสองปี ต่อมาก็เริ่มรับการแสดงเป็นบทเล็กๆ แต่ผมกลับพบความยุ่งยากเมื่อทุกครั้งที่ต้องออกแสดงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก หัวใจผมเต้นรัวจนแทบทะลุอก ปากแห้ง มือสั่น จนผมไม่สามารถทำมันให้ออกมาดีได้ ผมยอมแพ้ครับ แล้วผมก็เดินออกจากความฝันนั้นด้วยความกลัว ฝันต่อของผมคือ การได้เป็นนักกีฬาอาชีพ เพราะผมรักการเล่นกีฬามาก แต่ต่อมาผมก็ได้บาดเจ็บรุนแรงที่หัวเข่าจากการเล่นบาสเกตบอล และหลังจากนั้นด้วยความบ้าพลังและชอบการผจญภัยของผม ทำให้ผมบาดเจ็บที่เดิมที่ไม่น้อยกว่า 6 ครั้ง ด้วยเหตุนี้ผมจึงจำใจต้องลืมความฝันนี้ไปอีกครั้งมาถึงความฝันที่ 3 ครับ ซึ่งอาจทำให้หัวใจผมแตกเป็นเสี่ยงอีกครั้ง หรือ ปาฎิหาริย์ จะเป็นจริงก็ได้ผมขอย้อนไปในวันที่ 20 สิงหาคม 2555 ผมตีตั๋วขาเดียวจากมอสโคว์ มุ่งตรงสู่กรุงเทพฯ ศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในวันนั้น ผมได้โดยสารรถบัสสีแดงจากโรงแรมแห่งหนึ่งไปวัดพระแก้วอันเลื่องชื่อระดับโลก ขณะรถติดไฟแดงผมได้มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งอยู่บนรถบัสอีกคันหนึ่งซึ่งมีสีแดงเช่นเดียวกัน ผมได้สบตากับเธอ สายตาเธอกระทบใจผมอย่างแรงเพราะผมรู้สึกถึงความเศร้าและอ้างว้างอยู่ในนั้น ผมตกตะลึงไปชั่วขณะ ความรู้สึกบางอย่างบอกผมว่าดวงตาคู่นั้นสามารถที่จะเข้าใจผม รู้สึกอย่างที่ผมรู้สึก ผมจ้องมองไปยังเธอ รอเธอหันมามองและยิ้มให้ ในที่สุดเธอก็หันมายิ้มให้ครับ ฉับพลันรถได้เคลื่อนตัวออกไป ผมทำได้เพียงถ่ายรูปเธอจากระยะไกล เพียง 2-3 ใบ ……… วันนั้นผมไม่ได้ไปเยี่ยมชมวัดพระแก้วครับ เพราะหัวใจผมสับสนว้าวุ่นไปหมด เศร้าเสียใจอย่างมากที่เหมือนสิ่งที่ตามหาหลุดลอยไป ผมร้องไห้อย่างหนักครับ ผมเฝ้ารอให้ปาฏิหาริย์เป็นจริง ให้ได้เจอเธออีก แต่ผมได้พบแล้วว่า 4 ปีผ่านไปปาฎิหาริย์ ไม่เคยเกิดขึ้นเลย แต่แล้วผมตัดสินใจที่จะเชื่อในปาฏิหาริย์อีกครั้ง และเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริงถ้าเราไม่กลัวที่จะลงมือกำหนดโชคชะตา และถึง เวลาแล้วที่ผมจะลงมือกำหนดโชคชะตานี้เอง ด้วยการค้นหาเธออย่างจริงจัง ผมหวังเพียงแค่จะพบเธอ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆกับเธอ แบ่งปันความรู้สึก และถามเธอว่า ทำไมเธอถึงได้เศร้าเช่นนั้นเพื่อนๆชาวไทยครับ ถ้าพอจะช่วยเหลือผมได้ ช่วยผมต่อสู้กับโชคชะตาและพบปาฏิหาริย์ ทุกท่านมีเฟสบุคอยู่ในมือ ช่วยผมแชร์สเตตัสนี้พร้อมด้วยรูปถ่ายของเธอ เผื่อว่าการแชร์นี้จะไปถึงเธอ แค่แชร์ออกไป แท็กเพื่อนของคุณถ้าคุณทำได้ ช่วยให้ปาฏิหาริย์นี้เกิดขึ้นจริงด้วยครับ ขอบคุณอย่างสุดซึ้งจากหัวใจ
งาน นี้ เพื่อนๆชาวเน็ต เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ช่วยกันตามหาตัวให้วุ่น มาวันนี้ ชาวเน็ตได้ตามหาสาวไทยคนดังกล่าวจนเจอ แต่ว่างานนี้ พ่อหนุ่มมีแห้ว เพราะว่า สาวเจ้ามีลูกแล้วน่ะสิจ๊ะ เอาน่ายังไงก็ได้รัก ดีกว่าไม่เคยได้รักเลย….
ที่มา khaojing ,Kiffily Babalah, Roman Khromov
credit http://www.siamupdate.com/news-183438
No comments:
Post a Comment